ค่ำคืนของวันที่ 16 – 17 กรกฎาคม 1918 คือวันสุดท้ายของจักพรรดิซาร์นิโคลัสที่ 2 และครอบครัว
หลังการยึดอำนาจการเมืองของฝ่ายปฏิวัติ ซาร์นิโคลัสที่ 2 และพระราชวงศ์ ซึ่งเดิมทรงถูกควบคุมตัวไว้ ณ พระตำหนักฤดูร้อนที่ซาร์สโกเอ เซโล บอลเชวิคกล่าวหาว่าก่ออาชญากรรมร้ายแรงต่อประเทศชาติและต้องถูกพิจารณาคดีในศาลปฏิวัติ แต่ถูกพวกรัสเซียขาวและสัมพันธมิตรแทรกแซงการเมือง ก่อให้เกิดสงครามกลางเมืองขึ้น
ต้นเดือนกรกฎาคม 1918 รัฐบาลโซเวียตออกกฏหมายยึดพระราชทรัพย์ทั้งหมดของราชวงศ์โรมานอฟเป็นของชาติ ซาร์และครอบครัวถูกย้ายไปอยู่ที่เมืองเยคาเตรินเบิร์ก ณ บ้านอิปาเตียฟ หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “บ้านเพื่อจุดประสงค์พิเศษ” ณ ห้องใต้ดินของบ้านหลังนี้ คือฉากสุดท้ายของครอบครัวโรมานอฟ ทุกความผิดพลาด ความเสียหายพังพินาศของรัสเซียล้วนถูกโยนให้พระเจ้าซาร์เป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว
ในเบื้องต้นซาร์ถูกควบคุมตัวโดยทหาร ก่อนจะถูกเปลี่ยนมาเป็นหน่วยตำรวจลับ
ทำให้ทรงใช้ชีวิตอยู่อย่างยากลำบากยิ่งขึ้น มีการส่งจดหมายลวงว่ากองทัพขาวกำลังจะบุกมาช่วย เพื่อให้ซาร์ทรงตอบ และใช้การตอบจดหมายนี้เป็นการสร้างความชอบธรรมในการออกคำสั่งกำจัดซาร์และครอบครัวด้วยข้อหาผู้ทรยศ
วันที่ 16 กรกฎาคม 1918 ครอบครัวโรมานอฟ รับประทานอาหารเย็นตามปกติ ได้รับแจ้งจากยาคอฟ ยูรอฟสกี หัวหน้าเชกา (หน่วยตำรวจลับ) ว่า ลีโอนิด เซสเนฟ เด็กประจำห้องครัว เพื่อนเล่นหนึ่งเดียวของอะเล็กเซย์ ออกไปพบลุงของเขาที่เป็นพ่อครัวในเมือง (ซึ่งความจริงถูกยิงไปแล้ว) “เขาจะกลับมา” ยูรอฟสกี ยืนยันกับราชวงศ์ แต่เซสเนฟ ไม่ได้กลับมา
ทุกอย่างเป็นไปตามปกติ ครอบครัวโรมานอฟเสด็จเข้าบรรทม
จนกระทั่งเข็มนาฬิกาเดินผ่านคืนวันที่ 16 ข้ามมาสู่วันที่ 17
หลังเที่ยงคืนของวันที่ 17 มาไม่กี่ชั่วโมง ดร. ยูจีน บอตคิน แพทย์ประจำราชวงศ์ ถูกสั่งให้ปลุกสมาชิกทุกคนที่หลับใหล ให้ตื่นขึ้นมาด้วยเหตุผลว่า ทหารฝ่ายตรงข้ามกำลังบุกเข้ามา และจะมีการถ่ายรูปหมู่รวม เพื่อเผยแพร่ว่าซาร์และครอบครัวยังปลอดภัยดี นิโคลัส อะเล็กซานดรา มาเรีย โอลกา ทาเทียนา อนาสตาเซีย อะเล็กเซย์ รวมทั้งแพทย์และคนรับใช้ ทั้งหมดลงมาที่ห้องใต้ดินขนาด 6×5 เมตร ซาร์ร้องขอเก้าอี้สำหรับอะเล็กเซย์เพราะมีอาการบาดเจ็บที่ขาและซารีนา
ทันใดนั้น ยาคอฟ ยูรอฟสกี หัวหน้าเชกา (หน่วยตำรวจลับ) ก็อ่านคำพิพากษา
ทันทีที่อ่านจบ ยูรอฟสกีและทีมสังหารราว 11 คน ก็ยกอาวุธขึ้นมา กราดยิงทุกคนในห้องนั้น
นิโคลัสหันมาถามว่า “อะไรนะ อะไรนะ!?”
ซารีนาและโอลกาพยายามทำเครื่องหมายกางเขน แต่ถูกยิงก่อนจะทำเสร็จ
ซาร์และซารีน่าสิ้นพระชนม์ทันที ประตูถูกเปิดเพื่อระบายควันจากปืนที่คละคลุ้ง พระราชธิดาและอะเล็กเซย์ที่ยังมีชีวิตเพราะใส่เครื่องเพชรในเสื้อผ้าและหมอน ถูกยิงซ้ำ บ้างก็ว่าถูกแทงด้วยดาบปลายปืน
ทั้งหมด…เสียชีวิตในห้องนั้น
ศพทั้งหมดถูกบรรทุกขึ้นเกวียน นำไปทำลายด้วยกรด ฝังไว้ที่เหมืองร้างในป่าคอบเตียกี นอกเมือง เกือบ 20 ปี หลังจากการมีส่วนช่วยสยามจากวิกฤตการณ์ในช่วงนั้น ซาร์นิโคลัสที่ 2 ผู้เปรียบดังพี่น้องของรัชกาลที่ 5 และครอบครัวทั้งหมดของพระองค์ จากไปตลอดกาล
ปิดฉากราชวงศ์โรมานอฟที่สร้างรัสเซียจนยิ่งใหญ่และปกครองรัสเซียมากว่า 300 ปี จนช่วงสุดท้ายที่ปัญหาต่างๆ สุกงอม นำไปสู่โศกนาฏกรรมแสนเศร้า
ในปี 1991 จึงมีการขุดค้นโครงกระดูกของครอบครัวโรมานอฟขึ้นมา แต่ขาดไปสองศพ คือ อะเล็กเซย์และอนาสตาเซีย
มีข่าวลือว่าทั้ง 2 พระองค์อาจเป็นผู้รอดชีวิตยัง และเกิดการแอบอ้างกันหลายครั้ง โดยที่ใกล้เคียงที่สุดคือ แอนนา แอนเดอร์สัน เพราะมีช่วงอายุ ลักษณะ และรู้เรื่องส่วนตัวของอนาสตาเซียเป็นอย่างดี ก่อนจะมีการพิสูจน์ดีเอ็นเอในภายหลังว่า ไม่เกี่ยวข้องกัน
จนกระทั่งในปี 2007 จึงมีการค้นพบอีก 2 ศพที่เหลือ
พระศพของครอบครัวโรมานอฟ ถูกนำมาฝังอย่างสมพระเกียรติในมหาวิหารปีเตอร์แอนด์พอล เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ซึ่งเป็นที่ฝังพระศพของราชวงศ์มาตั้งแต่ซาร์ปีเตอร์มหาราช และทั้งหมดถูกยกให้เป็นนักบุญแห่งศาสนจักรออร์โธด็อกซ์
ชม Link หนังที่จำลองเหตุการณ์ในคืนวันที่ 16-17 กรกฎาคม 1918
https://www.youtube.com/watch?v=_zQmXWHDuDk