ฟาสต์ฟู้ด (Fast Food) หรือ สตรีทฟู้ด (Street Food) เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึง Lifestyle ของผู้คนในพื้นที่ต่างๆ ได้อย่างชัดเจน จึงเป็นวิธีที่ง่าย (และอิ่มอร่อย) ที่สุดในการสัมผัสเอกลักษณ์ของสถานที่นั้นๆ เมื่อเราได้เดินทางท่องเที่ยว
ปกติอาหารฟาสต์ฟู้ดแบบที่เราคุ้นเคย ก็คงจะหนีไม่พ้นแฮมเบอร์เกอร์ ไก่ทอด หรือพิซซ่า และมีเฟรนช์ฟายเป็นของแต่งจาน ช่วยเพิ่มคาร์โบไฮเดรตให้อยู่ท้องได้พลังงานมากขึ้น แต่เมนูฟาสต์ฟู้ดที่ World Explorer จะแนะนำในวันนี้ เป็นเมนูที่เกิดจากส่วนผสมคลาสสิค 3 อย่างที่รวมเอาเฟรนช์ฟาย ซอสเกรวี่ (Gravy Sauce) และชีสเคิร์ส (Cheese curds) เอาไว้ด้วยกัน นั้นก็คือ พูทีน (Poutine) อาหารฟาสต์ฟู้ดขึ้นชื่อของเมืองควิเบค (Qecbecer) เมืองทางตะวันออกของแคนาดานั้นเอง
แม้ว่าส่วนผสมจะทำให้รู้สึกถึงความเลี่ยนมากๆ แต่รสชาติของน้ำซอสเกรวี่ร้อนๆ ราดบนมันฝรั่งทอด พร้อมด้วยชีสเคิร์สที่ละลายเล็กน้อยให้เนื้อสัมผัสของชีสนุ่มละมุม เมื่อรับประทานทั้ง 3 อย่างนี้พร้อมกัน จึงสร้างความลงตัวของรสชาติได้อย่างดี ทำให้พูทีนเป็นที่ชื่นชอบของทุกคนที่ได้ชิม
ถ้าหากเราเปรียบแฮมเบอร์เกอร์ เป็น King of Fast Food แล้ว หลายคนคงจะต้องยกให้พูทีนเป็น Queen of Fast Food คู่กับแฮมเบอร์เกอร์แน่ๆ เพราะพูทีนเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงออกถึงเอกลักษณ์ของชาวควิเบค ซึ่งมีบรรพบุรุษเป็นชาวฝรั่งเศสที่ย้ายถิ่นฐานมาอยู่แคนาดา คล้ายกับแฮมเบอร์เกอร์ที่เป็น อาหารของผู้อพยพจากท่าเรือที่เมืองฮัมบวร์ค (Hamburg) ในประเทศเยอรมันมาที่สหรัฐอเมริกา
จุดเริ่มต้นของพูทีนมีเรื่องเล่าหลายแบบ (เรื่องเล่าทุกแบบระบุเกิดที่เมืองควิเบค) แต่เรื่องที่ได้รับการยอบรับมากที่สุดว่ากันว่าเกิดขึ้นที่ร้าน Café Ideal เมื่อประมาณ 70 ปีที่แล้ว (ตอนหลังเปลี่ยนชื่อเป็น Le Lutin qui rit ปัจจุบันปิดกิจการแล้ว) ลูกค้าที่ชื่อ Eddy Lainesse กำลังรีบมาก จึงได้บอก Fernand Lachance เจ้าของร้าน ให้ใส่ชีสเคิร์สรวมไปในถุงเฟรนช์ฟรายส์ กลายเป็นว่าพอชีสเคิร์ส เจอกับมันฝรั่งทอดร้อนๆ ก็ละลายเข้ากันได้ดี ทำให้พูทีนถือกำเนิดขึ้นในวันนั้น และหลังจากนั้นได้มีการเพิ่มซอสเกรวี่ลงไปกลายเป็นคลาสสิกพูทีน (Classic Poutine) ที่เป็นที่นิยมกันในปัจจุบัน
สำหรับนักเดินทางที่เคยเดินทางไปประเทศแคนาดาก็คงจะต้องเคยผ่านตาเมนูนี้อย่างแน่นอน เพราะหาทานได้ง่ายตั้งแต่ร้านฟาสต์ฟู้ดอย่างแมคโดนัลด์ หรือเบอร์เกอร์คิง ไปจนถึงร้านอาหาร Fine Dining ที่ทำเมนูพูทีนให้แฟนซีขึ้นโดยการเพิ่มล็อบสเตอร์ (Lobsters) ฟัวกราส์ (Foie Gras) หรือแม้แต่เห็ดทรัฟเฟิล (Truffle)
แต่ถ้าอยากลิ้มลองพูทีนของแท้จากเมืองต้นกำเนิดก็ต้องเดินทางไปกินที่เมืองควิเบคเท่านั้น และชาวควิเบคเองก็ต้องการให้พูทีนเป็นที่รู้จักในฐานะของอาหารท้องถิ่นเมืองควิเบค มากกว่าจะเป็นในฐานะอาหารแคนาดา เพราะพูทีนคือความภูมิใจในความเป็นฝรั่งเศสของชาวเมืองควิเบคนั่นเอง
ผู้เขียน: คุณบอส กังสดาล เอี๊ยวเจริญ
อ้างอิง: https://labanquise.com/en/poutine-history.php
https://medium.com/@kaytheroom98/a-brief-history-of-poutine-ad92b0811368